คำถามใหญ่ ๆ
‘ชีวิต’มักเต็มไปด้วยคำถามมากมายที่รอให้เราค้นพบและตอบ ทุกย่างก้าวมักมีเรื่องชวนสงสัย ตั้งแต่คำถามใหญ่ๆอย่างเช่น “เราเกิดมาทำไม ?” ยิบย่อยไปจนถึง “วันนี้จะกินอะไรดี?”
ท่ามกลางโซเชี่ยลเน็ตเวิร์คที่มีอยู่มากมาย ท่ามกลางยุคที่ใครๆก็ใช้ Line, Facebook, Twitter หรืออื่นๆอีก บลาๆๆ ในวันที่โปรไฟล์ของเราในแต่ละโซเชี่ยล ก็สามารถสร้างเสร็จได้ภายในเวลาไม่ถึง 5 นาที ในเมื่อทุกอย่างมันง่ายขนาดนี้แล้ว ทำไมต้องมีเว็บไซต์ เป็นของตัวเองอีกล่ะ ?
ลองนึกเล่นๆว่า ถ้าวันนึง โซเชี่ยลมีเดียต่างๆ ถูกธานอสดีดนิ้วให้สลายหายไป ปิ๊ง.. วันนั้นชีวิตจะเป็นยังไงบ้าง ขอเดาเล่นๆนะครับ ขั้นแรก เพื่อนกว่าค่อนชีวิตที่เคยเจอกันได้บนหน้าจอ หายไปอย่างเงียบกริบ , รูปหรือข้อความต่างๆที่เคยโพสต์ไว้ก็แว๊บหายไปด้วย ,ไหนจะเป็นเรื่องโปรไฟล์ ที่เคยสร้างสมมา ทุกอย่างหายไปไม่เหลืออะไรไว้ ราวกับว่าชิวิตออนไลน์ที่ผ่านมานั้น เป็นเพียงเรื่องหลอกลวงเท่านั้นเอง
อีกทั้ง ในหลายๆแพลตฟอร์มของโซเชี่ยลมีเดีย ก็ถูกออกแบบมาเพื่อวัตถุประสงค์บางอย่างอยู่แล้ว เช่น จะโพสต์ข้อความยาวๆ ก็ facebook / จะโพสต์ข้อความสั้นๆก็ Twitter / จะโพสต์ภาพก็ Instagram หรือ จะโพสต์วีดิโอ ก็ Youtube …. แล้วถ้าสมมุติว่า เรามีวีดิโอที่อยากจะโพสต์ประกอบกับข้อความยาวๆ หรือมีภาพที่อยากจะโพสต์ประกอบกับวีดิโอ เราจะต้องเลือกใช้แพลตฟอร์มไหนกันล่ะ ?
ใช่ครับ เพราะความกังวลเกินเหตุ+ความเรื่องมากส่วนบุคล ทำให้ผมคิดว่า เราควรจะมีตัวตนที่แข็งแกร่งบางอย่าง อยู่บนโลกออนไลน์ ผมจึงได้ลองค้นหาวิธีไปต่างๆนาๆ จนได้รู้จักกับสิ่งที่เรียกว่า เว็บไซต์ นั่นเองครับ
หากจะเล่าย้อนถึงต้นตอของเว็บไซต์ ตั้งแต่กำเนิดขึ้นด้วยอักษรเรียงซ้ำ 3 ตัว ที่เรียกว่า www. ( World Wide Web ) ว่าเป็นการสื่อสารเชิงเครือข่าย ด้วยระบบอินเทอร์เน็ต… ฯลฯ คุณคงนั่งหาว จนปัดบทความนี้ทิ้ง ก่อนที่จะเริ่มย่อหน้าต่อไปแน่ๆ ผมจึงอยากจะบอกคอนเซ็ปต์สั้นๆให้คุณฟัง เกี่ยวกับการจัดตั้งเว็บไซต์ ดังนี้ครับ
หากเปรียบโลกออนไลน์เป็นพื้นที่ว่างเปล่าซักแห่ง การตั้งเว็บไซต์ ก็ไม่ต่างจากการจดบ้านเลขที่เป็นของตัวเอง ในบ้านหลังนี้เรามีสิทธิ์ที่จะใช้ทำอะไรก็ได้ ยกตัวอย่างการใช้งานยอดฮิตก็คือ ขายของ ( Market Place) รองลงมาก็เป็นโปรไฟล์ให้องค์กร ( Portfolios ) ถัดมาเป็นการใช้เพื่อประชาสัมพันธ์เรื่องราวบางอย่าง ( Public Relation ) หรือประโยชน์ยิบย่อยสุด ก็คือการบันทึกเรื่องราวบางอย่างของตัวเองลงไป (Blog)
การจะใช้ชีวิตอยู่ที่บนบ้านที่เรียกว่าเว็บไซต์ จึงคงทนกว่าการนัดเจอที่บ้านเช่า (โซเชี่ยลมีเดีย) ที่ไม่รู้ว่าเจ้าของบ้านเช่าจะมาปรับมาเปลี่ยนอะไรตอนไหนบ้าง นี่จึงเป้นจุดแข็งที่เว้บไซต์มีเหนือกว่าโซเชี่ยลมีเดียนั่นเองครับ
และตรงประโยชน์ยิบย่อยที่สามารถเล่าเรื่องราวบางอย่างนี่เอง ผมเลยพยายามจะหยิบมาใช้ให้เป็นประโยชน์กับตัวผม ใช่ครับ… ผมมีเรื่องราวที่อยากเล่า ผมมีประเด็นที่สนใจ และผมมีผลงานที่อยากเผยแพร่ โดยความต้องการทั้งหมดนี้ ไม่สามารถมัดรวมกันได้ในโซเชี่ยลมีเดียไหนซักแห่ง ผมจึงเรียบเรียง และ รวบรวม จนกลายเป็นเว็บไซต์ประเภทบล็อก (Blog)ที่ worathon.space นั่นเองครับ
ผมเป็นคนนึง ที่เติบโตมาด้วยความฝันอันสะเปะสะปะ ไม่รู้ว่าตัวเองชอบอะไร หรือทำอะไรได้ดีกันแน่ จะพอคาดเดาได้อย่างเลือนราง ก็คือ ฝันใหญ่ๆ ผมอยากเป็นอาจารย์มหาลัยที่สอนด้านการสื่อสาร ฝันรองลงมาก็คืออยากเป็นนักคิดนักเขียน หรือถ้าจะไม่ถึงไหนผมก้มีฝันที่อยากเป็นเด็กปั๊มไว้รองรับอยู่เหมือนกัน (นอกเรื่องละ)
ผมอยากจะมีช่องทางการสื่อสารเป็นของตัวเองครับ ในทางนึง ผมก็อยากฝึกทำเว็บไซต์เอง อยากใช้ทักษะด้านกราฟิกดีไซน์ หรือความรู้เรื่อง SEO หรือเรื่องการแบรนดิ้ง มาใช้ให้เป็นประโยชน์ด้วย จะว่าไปนี่ก็เป้นเหมือนสนามเด็กเล่นให้ผมทดลองทำโน่นนี่นั่นต่างๆนาๆ โดยไม่มีใครมาว่าเอาได้นั่นเองครับ
เพื่อตอบสนองความเพ้อฝัน ผมจึงอยากบันทึกเรื่องราวระหว่างเติบโตของผมลงไปในเว็บไซต์แห่งนี้ เพื่อเป็นหลักฐานบางอย่าง ว่าผมเคยมีชีวิตอยู่ และผมจะไม่หายไป แม้ในวันที่ คุณมาร์ค ซักเกอร์เบิก อยากปิดกิจการไปทำสวน ผมไม่รู้ และไม่ได้คาดหวังว่ามันจะดัง หรือจะมีคนแห่มาอ่านกันเยอะแยะ ผมคิดแค่ว่า ถ้าการเติบโต และการใช้ชีวิตของเรา มีอะไรเป็นที่จดบันทึกไว้ ไม่ต่างกับไดอารี่ในที่สาธารณะบ้างก็คงจะดี
ระหว่างนี้ ทุกทักษะที่เคยสั่งสม ทุกเรื่องราวที่เกิดขึ้น ทุกสิ่งอย่างที่ผมเชื่อว่ามันควรค่าแก่การบันทึก จะถูกบันทึกไว้ที่นี่ ขอบคุณผู้ที่เข้ามาอ่าน ขอบคุณผู้ที่เลื่อนมาถึงตรงนี้ ผมไม่มีคำสวยหรูไหนจะบอกนอกจาก “ขอบคุณที่สนใจกัน” ขอบคุณครับ
อ๋อ ถ้าไม่อยากอ่านจากเว็บ ติดตามแฟนเพจในเฟซบุ๊กที่ชื่อว่า วรธน.สเปซ (คลิกตรงนี้) ก็ได้
….. ถ้างั้นเสียใจด้วย เพราะคุณอ่านจบแล้วครับ 55555