คำถามใหญ่ ๆ
‘ชีวิต’มักเต็มไปด้วยคำถามมากมายที่รอให้เราค้นพบและตอบ ทุกย่างก้าวมักมีเรื่องชวนสงสัย ตั้งแต่คำถามใหญ่ๆอย่างเช่น “เราเกิดมาทำไม ?” ยิบย่อยไปจนถึง “วันนี้จะกินอะไรดี?”
ในวันที่ชีวิต มีเหตุให้ต้องก้าวออกจากรั้วมหาลัย บ้างโชคดีหน่อย ที่กอบโกยหลายสิ่งหลายอย่างที่จะใช้เป็นต้นทุนชีวิตได้หลายกระสอบ ในขณะที่อีกหลายส่วนก็โชคร้าย เพราะเดินออกมาแบบตัวเปล่าเล่าเปลือย แม้กระทั่งทิศทางในความจริงของชีวิต หรือแม้แต่ความฝันของตัวเอง ก็ยังไม่มีเปื้อนติดปลายรองเท้าออกมาเลยแม้แต่น้อย
มหาลัยเหมืองแร่ หนังดราม่าอารมณ์เข้มข้น สัญชาติไทย สร้างจากหนังสือรวมเรื่องสั้น ชุด เหมืองแร่ โดยนักเขียนรุ่นใหญ่ผู้ล่วงลับ อาจินต์ ปัญจพรรค์ ซึ่งเป็นเค้าโครงประสบการณ์จริงของผู้เขียน และหนังเรื่องนี้ ฉายในปี พ.ศ.2548 นั่นเอง
มหาลัยเหมืองแร่ เรื่องราวของอาจินต์ เด็กหนุ่มเหลวไหล ที่เติบโตมาอย่างสุขสบายตามประสาชนชั้นกลาง และมีเหตุให้รีไทร์(เรียนไม่จบ) ตอนเรียนอยู่ปี 2 จากคณะวิศวะฯ จุฬาฯ จากนั้นก็ถูกพ่อส่งให้ไปฝึกใช้ชีวิต (ดัดสันดาน) ที่เหมืองแร่ ในจังหวัดพังงา
เนื้อหาในเรื่องจะแบ่งออกเป็น 4 ส่วนหลักๆ อุปมาว่าช่วงเวลานี้คือ 4 ปี ที่จะได้เล่าเรียนในมหาวิทยาลัยทั่วไป เราเอง จะถูกดึงเข้าไปในเรื่องด้วยการเดินทางเข้าไปความทุรกันดารในภาคใต้ ก่อนที่โลกของการทำงานในเหมืองแร่จะค่อยๆหยิบยื่นบทเรียนภาคบังคับมาให้กับตัวละครเอกตามเลเวลที่สูงขึ้น
และแม้ว่าอาจินต์จะพอมีความรู้ด้านวิศวะปี2 จากจุฬาฯ แต่สำหรับที่นี่ ความเป็นนิสิตจุฬาไม่มีค่าใดๆ ความรู้จากปี 2 ที่พอถูไถก็ต้องถูกโละทิ้ง แล้วเริ่มเรียนใหม่ทั้งหมด อะไรที่คิดว่ามี คิดว่าแน่ ต้องมาเริ่มสร้างกันใหม่ สัดดานจะโค้งเกี่ยวเลี้ยวลดมาจากไหน ก็ต้องถูกดัดเป็นธรรมดา และในขั้นตอนการดัด ก็ต้องเจ็บปวดกันบ้าง ไม่มากก็น้อย
แม้หนังจะฉายในปีพ.ศ.2548 แต่เรื่องราวของหนังได้พาเราย้อนกลับไปกว่า 50 ปี สภาพการเป็นอยู่ในยุคนั้น เป็นธรรมชาติ และ สิ่งแวดล้อม พร้อมจะตะบันหน้าเราเสมอ เมื่อเราเผลอประมาท นั่นเป็นเหตุผลเพียงพอที่บอกให้ตัวละครหลัก ต้องระแวดระวัง และค่อยๆปรับตัวให้อยู่รอด เพื่อมีชีวิตต่อในวันพรุ่งนี้
ตัวตนที่ไม่เคยคิดจะสร้าง ถูกความอ้างว้างบังคับให้ต้องผุดออกมา ด้วยความทุกข์จากใจ และความเหน็ดเหนื่อยจากร่างกาย บีบเค้นให้ตัวละครเก่งกาจขึ้น จนคนดูอย่างเราก็แอบดีใจกับการเติบโตนี้
เกียรติยศ ในที่นี้ไม่ใช่สิ่งที่ลอยสูงอยู่บนผืนฟ้า หากแต่เป็นเศษแร่จากใต้ผืนดิน ที่แฝงความหมายถึงการขุดรากเหง้าความเช้าใจต่อชีวิต ส่งผลให้ตัวละครหลัก เข้าใจว่ามาแบบไหน ก้ควรกลับแบบนั้น ท้ายที่สุดเราเรียนรู้มากมาย และที่ตรงจุดสุดท้าย เราก็ไม่เหลืออะไรทั้งนั้น
เป็นหนังอารมณ์เข้มข้น ที่ไม่ถึงกับขุ่นควั่ก ตอนจบชวนให้ใจสบาย หากใครมีมรสุมในระหว่างเรียน หรือมีความสับสนระหว่างการค้นหาคำตอบของชีวิต หนังเรื่องนี้เป็นอาหารสมองที่รสชาติกลมกล่อม เหมาะแก่การดูในวันว่าง และรู้สึกอ้างว้าง ในขณะเดียวกัน